tag:blogger.com,1999:blog-13923748495190410922024-03-21T05:10:56.320-07:007สิ่งมหัศจรรย์ของโลกบล็อกนี้ได้จัดทำขึ้นเพื่อ บอกเล่าถึงประวัติของ 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก เพื่อเป็นการแนะแนวทางการท่องเที่ยว49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.comBlogger7125tag:blogger.com,1999:blog-1392374849519041092.post-32289887818372721762010-05-11T01:29:00.000-07:002010-05-11T01:34:39.685-07:00พีระมิดกิซ่า<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQX-y-7Cl52O_C9hmJyRAhUG_HT3hzF3pz4XSN1gBKuaWWu8_8_44PELLNziYAnwBUZWjXUyogAGD1xe5e2pF3Z9mCedm0oOa8D5PMnZm-xkCdyfRSlShB5N_tShs1_p8lSlk314Qm98Rh/s1600/2.jpg"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; DISPLAY: block; HEIGHT: 320px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5469927873379421650" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhQX-y-7Cl52O_C9hmJyRAhUG_HT3hzF3pz4XSN1gBKuaWWu8_8_44PELLNziYAnwBUZWjXUyogAGD1xe5e2pF3Z9mCedm0oOa8D5PMnZm-xkCdyfRSlShB5N_tShs1_p8lSlk314Qm98Rh/s320/2.jpg" /></a><br />มหาพีระมิดกีซ่า (Giza Plateau) : 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคโบราณ<br />• พีระมิดสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ฝังพระศพของกษัตริย์อียิปต์โบราณ ชาวอียิปต์ในสมัยนั้นเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย ดังนั้นจึงต้องแน่ใจว่ากษัตริย์ของพวกเขาจะทรงมีทุกสิ่งทุกอย่างที่จำเป็นสำหรับโลกหน้า พวกเขาได้ฝังทรัพย์สินและสิ่งของส่วนพระองค์ไปพร้อมกัน สิ่งที่นักโบราณคดีค้นพบเป็นจำนวนมากในห้องเก็บสมบัติของปิรามิดได้แก่เพชรพลอย อาหาร เครื่องเรือน เครื่องดนตรี และอุปกรล่าสัตว์<br />• พีระมิดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้แก่ พีระมิดเห่งเมืองกีซ่า (เมืองกีเซห์) ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมศพของกษัตริย์คีออปส์(CHEOPS) หรือ คูฟู ซึ่งพระองค์เป็นผู้สร้างขึ้นเองเมื่อก่อนคริสตกาลประมาณ 25,800 ปี นับอายุจนถึงปัจจุบันก็กว่า 4,500 ปี ถือเป็นพีระมิดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ตั้งอยู่ที่กลางทะเลทราย พีระมิดแห่งนี้เดิมสูง 481.4 ฟุต แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 450 ฟุต ฐานกว้าง 768 ฟุต ใช้หินทรายตัดเป็นแท่งรูปสามเหลี่ยมหนักประมาณก้อนละ 2 ตันครึ่ง บางก้อนหนักถึง 16 ตัน โดยการนำเอามาซ้อนกันขึ้นไปเป็นทรงกรวย เชื่อกันว่าพีระมิดองค์นี้จะทนแดดทนฝนอยู่ได้อีกนานกว่า 5,000 ปี และเป็นสิ่งมหัศจรรย์ของยุคโบราณสิ่งเดียวเท่านั้นที่มีอายุยืนยาวมาจนถึงปัจจุบัน<br />• พีระมิดแห่งกีซ่าประกอบด้วย<br />1.พีระมิดคูฟู (Khufu) หรือ มหาพีระมิดแห่งกิซ่า (The Great Pyramid of Giza) ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลก ที่ยังคงเหลืออยู่ในปัจจุบัน มีขนาดใหญ่ที่สุดและเก่าแก่ที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า<br />2.พีระมิดคาเฟร (Khafre) ตั้งอยู่ตรงกลางของพีระมิดทั้ง 3 และสร้างอยู่บนพื้นที่สูง ทำให้ดูเหมือนมีขนาดใหญ่ที่สุด และมีบางคนเข้าใจผิดว่าพีระมิดคาเฟรคือมหาพีระมิดแห่งกิซ่า ทางทิศตะวันออกของพีระมิดคาเฟรมี มหาสฟิงซ์(The Great Sphinx of Giza) หินแกะสลักขนาดมหึมาที่มักปรากฏในภาพถ่ายคู่กับพีระมิดคาเฟร<br />3.พีระมิดเมนคูเร (Menkaure) ขนาดเล็กที่สุดและเก่าแก่น้อยที่สุดในหมู่พีระมิดแห่งกิซ่า จากตำแหน่งการก่อสร้างทำให้คาดได้ว่า เดิมอาจตั้งใจสร้างให้มีขนาดใกล้เคียงพีระมิดคูฟู และพีระมิดคาเฟรแต่ในที่สุดก็สร้างในขนาดที่เล็กกว่า พีระมิดเมนคูเรมักปรากฏในภาพถ่ายพร้อมกับหมู่พีระมิดราชินีทั้ง 3 (The Three Queen's Pyramids)<br />• การสร้างพีระมิด เกิดจากแรงศรัทธาแลกกับอาหารและเสื้อผ้า<br />• การสร้างพีระมิด สร้างโดยแรงงานมนุษย์กับเครื่องมือธรรมดาๆในการก่อสร้างเพียงไม่กี่ชนิดเท่านั้น ผู้ที่สร้างปิรามิดไม่ใช่พวกทาส แต่เป็นช่างฝีมือและชาวนาที่อยู่ว่างในระหว่างที่น้ำจากแม่น้ำไนล์ท่วมพื้นที่ทำการเกษตรของตน แม้ว่าประชาชนนับพันๆคนที่มาช่วยสร้างปิรามิดจะทำงานเพื่อแลกกับอาหารและเสื้อผ้า แต่ทุกคนก็ต้องการมีส่วนร่วมในการสร้างที่ฝังพระศพของกษัตริย์ที่พวกเขานับถือเป็นเทพเจ้า<br /><object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/Ac_qGnPX8eI&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/Ac_qGnPX8eI&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-1392374849519041092.post-36574006921667605772010-05-11T01:24:00.000-07:002010-05-11T01:29:03.656-07:00สนามกีฬากรุงโรม<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKnBJCub1jZdEl17gzFw-xwaWfk16ygEZW2ngFZEy9TVD2Myndb1CHeNUe_TqyLgAFsyZHkn8MDZcupsAxZg3L-fum6VIzNVwQK65mmuzAZmtIE4CvIU9xQKMbA7qiu6vWhVSv5fAptVpP/s1600/imagesCAT39AY7.jpg"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 134px; DISPLAY: block; HEIGHT: 75px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5469925888364563506" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjKnBJCub1jZdEl17gzFw-xwaWfk16ygEZW2ngFZEy9TVD2Myndb1CHeNUe_TqyLgAFsyZHkn8MDZcupsAxZg3L-fum6VIzNVwQK65mmuzAZmtIE4CvIU9xQKMbA7qiu6vWhVSv5fAptVpP/s320/imagesCAT39AY7.jpg" /></a><br />สนามกีฬาแห่งกรุงโรม (The colosseum of Rome)<br /><br />สนามกีฬาแห่งกรุงโรม เป็นสนามกีฬากลางแจ้งขนาดใหญ่ที่เริ่มสร้างขึ้นในสมัยจักรพรรดิเวสปาเซียนแห่งอาณาจักรโรมัน และสร้างเสร็จในสมัยของจักรพรรดิติตัส (Titus) ในคริสต์ศตวรรษที่ 1 หรือ ประมาณปี ค.ศ. 80 อัฒจันทร์เป็นรูปวงกลมก่อด้วยอิฐและหินทรายวัดโดยรอบได้ประมาณ 527 เมตร สูง 57 เมตร สามารถจุผู้ชมได้ประมาณ 50,000 คน ใต้อัฒจรรย์มีห้องใต้ดินที่สร้างขึ้นเพื่อขังสิงโตและนักโทษประหาร ก่อนปล่อยให้ออกมาต่อสู้กันกลางสนาม นอกจากนี้ยังใช้เป็นสถานที่ประลองฝีมือของเหล่าอัศวินในยุคนั้น ปัจจุบันยังคงเหลือโครงสร้างเกือบสมบูรณ์ตั้งเด่นเป็นโบราณสถานที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ทั่วโลก49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1392374849519041092.post-67019908441451449422010-05-07T08:04:00.001-07:002010-05-07T08:06:12.517-07:00น้ำตกไนแอการา<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjawPGPQ2_s9lsreY1rLQMPGSOSYQDxN4oI7DAg8045jqsqhFmHTR6D09BMpLYFFzBrUrpBu2LNPiLosk7skvHLEL2RkfXK4XNpWQ9FQ9QzwzuTxdDk_EFox9fyp3nUGY29XBvnFJUloYCG/s1600/250px-Niag715.jpg"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 250px; DISPLAY: block; HEIGHT: 185px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5468544446653450914" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjawPGPQ2_s9lsreY1rLQMPGSOSYQDxN4oI7DAg8045jqsqhFmHTR6D09BMpLYFFzBrUrpBu2LNPiLosk7skvHLEL2RkfXK4XNpWQ9FQ9QzwzuTxdDk_EFox9fyp3nUGY29XBvnFJUloYCG/s320/250px-Niag715.jpg" /></a><br />น้ำตกไนแอการา (อังกฤษ: Niagara Falls ; ฝรั่งเศส: les Chutes du Niagara) เป็นน้ำตกขนาดใหญ่หลายแห่งประกอบกัน ตั้งอยู่บนแม่น้ำไนแอการาทางตะวันออกของทวีปอเมริกาเหนือ บนพรมแดนระหว่างประเทศแคนาดากับสหรัฐอเมริกา น้ำตกไนแอการาประกอบด้วยน้ำตกสามแห่งที่แยกออกจากกัน คือ น้ำตกเกือกม้า (Horseshoe Falls บางครั้งก็เรียก น้ำตกแคนาดา) สูง 158 ฟุต, น้ำตกอเมริกาสูง 167 ฟุต, และน้ำตกขนาดเล็กกว่าที่อยู่ติดกัน คือน้ำตก Bridal Veil. แม้น้ำตกไนแอการาจะไม่สูงอย่างโดดเด่น แต่ก็กว้างมาก<br /><br />น้ำตกไนแองการามีจุดชมวิวที่สวยงามและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของทั้ง 2 ประเทศมานานกว่าศตวรรษ<br /><br />แม่น้ำไนแอการาไหลมาจากทะเลสาบอีรีไหลผ่านน้ำตกไนแอการาลงสู่ทะเลสาบออนตาริโอ เมืองสองฝั่งของน้ำตกในสองประเทศนั้นเป็นเมืองแฝด โดยในฝั่งแคนาดาคือ ไนแอการาฟอลส์ ออนตาริโอ ส่วนในฝั่งสหรัฐอเมริกาคือ ไนแอการาฟอลส์ มลรัฐนิวยอร์ก<br /><br /><br /><br /><object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/yYSJ2VoTMWg&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/yYSJ2VoTMWg&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1392374849519041092.post-7339086426149482812010-05-07T07:55:00.000-07:002010-05-07T08:00:01.503-07:00แกรนด์แคนย่อน<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUE9yxSfZHLRllglOHTArmF6lLfQx9HXWRz27L7yOZFxj5ytAVEKJluokRBRbCUq9Z1rXFr6c8zWY2ITqlqoTdo34ndeCKzNWq4UMOlwsB2FPdwtUzMuFE4b1fQ8pw-k36F5KIghcBArSF/s1600/2_1240885340.jpg"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 214px; DISPLAY: block; HEIGHT: 320px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5468542861953475682" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhUE9yxSfZHLRllglOHTArmF6lLfQx9HXWRz27L7yOZFxj5ytAVEKJluokRBRbCUq9Z1rXFr6c8zWY2ITqlqoTdo34ndeCKzNWq4UMOlwsB2FPdwtUzMuFE4b1fQ8pw-k36F5KIghcBArSF/s320/2_1240885340.jpg" /></a><br />แกรนด์แคนยอน : Grand Canyon <มลรัฐอะริโซนา ประเทศสหรัฐอเมริกา><br />แกรนด์แคนยอนถือเป็นความมหัศจรรย์ทางธรรมชาติที่ยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลกถูกจัดให้เป็นหนึ่งในอนุรักษ์สถาน ของโลกโดยตามสภาพภูมิศาสตร์และการลงมติของสหประชาชาติ สำรวจพบสถานที่แห่งนี้ เมื่อปี ค.ศ. 1776 ปีเดียวกับที่อเมริกาประกาศเอกราชจากอังกฤษ แต่เพิ่งมารู้ว่ามีแม่น้ำโคโรลาโดไหลผ่านในปี ค.ศ 1857 แม่น้ำโคโลราโดไหลจากทิศเหนือไปใต้สู่ทะเลสาบมี๊ด ระยะทางประมาณ 200 ไมล์ Grand Canyon ถูกจัดให้ เป็นวนอุทยานแห่งชาติของสหรัฐ<br /><br />แกรนด์แคนยอนเกิดขึ้นโดยอิทธิพลของแม่น้ำโคโลราโด ไหลผ่านที่ราบสูงทำให้เกิดการสึกกร่อน พังทะลายของ หินเป็นเวลา 225 ล้านปีมาแล้ว เดิมทีแม่น้ำโคโลราโดมีสภาพเป็นลำธารเล็กๆที่ไหลคดเคี้ยวไป ตามที่ราบกว้าง ใหญ่ที่อยู่ระดับเดียวกับน้ำทะเล ต่อมาพื้นโลกเริ่มยกตัวสูงขึ้น อันเนื่องมาจากแรงดันและความร้อนอันมหาศาล ภายใต้พื้นโลกที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนรูปและกลายเป็นแนวเทือกเขากว้างใหญ่ การยกตัวของแผ่นดินทำให้ทางที่ ลำธารไหลผ่านลาดชันขึ้นและทำให้น้ำไหลแรงมากขึ้น พัดเอาทรายและตะกอนไปตามน้ำเกิดการกัดเซาะลึกลง ไปทีละน้อยในเปลือกโลก วัดจากขอบลงไปก้นหุบเหวกว่า 1 ไมล์ (ประมาณ 1,600 เมตร) และอาจลึกว่าสอง เท่าของความหนาของเปลือกโลก ก่อให้เกิดหินแกรนิต หินชั้นแบบต่างๆพื้นดินที่เป็น หินทรายถูกน้ำ และลม กัดเซาะ จนเป็นร่องลึกสลับซับซ้อนนานนับล้านปี เป็นแคนยอนงดงามน่าพิศวงเนื่อง จากผลของดินฟ้าอากาศ ความร้อนเย็นซึ่งมีอิทธิพลรอบด้าน<br /><br />ทางตะวันตกของแม่น้ำโคโลราโดมีลักษณะคดเคี้ยวไปมาน่าสับสนและเป็นที่ตั้งส่วนหนึ่งของแกรนด์แคนยอนด้วย โดยยาวถึง 150-200 ไมล์ บริเวณนี้เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุดจุดหนึ่ง ซึ่งก็คงเป็นเพราะ ทัศนียภาพที่แปลกตาของความลึกของหุบเขาและลักษณะของแม่น้ำที่มีรูปร่างทรงกรวยและไหลเป็นหลั่นๆชั้นลงไป โดยเกิดจากลาวาที่ทับถมจากภูเขาไฟเมื่อหลายล้านปีก่อนนั่นเอง<br /><br />บริเวณหน้าผาของแกรนด์ แคนยอน แม่น้ำโคโลราโดได้เดินทางมาบรรจบ กับแม่น้ำ"เวอร์จิน" ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ทะเลสาบ"มี๊ด"ด้วยจุดนี้ ไม่เพียงแต่เป็นจุดสิ้นสุดของแกรนด์ แคนยอนเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดสำคัญทางธรณีวิทยาแห่งหนึ่ง อย่างดีทั้งนี้เพราะสภาพบรรยากาศที่แปลกแตกต่างจากที่อื่นอย่างมาก เมื่อเปรียบเทียบกับที่ราบสูงโคโลราโดทาง ตะวันออก 2 จุดนี้เป็นจุดที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ไม่ว่าจะเป็นในด้านของโครงสร้างภูมิศาสตร์หรือประวัติศาสตร์<br /><br />ในทางใต้ของแม่น้ำสายนี้จะเป็นทางลาดลงไปกว่า 3,000 ฟุต โดยเกิดจากดินทรายที่พัดพามาจากที่สูงแถบนี้ เป็นที่ตั้งของที่ราบสูง "ตอนใต้" และห่างออกไป 70 ไมล์ก็เป็นที่ตั้งของช่องแคบ "อินเนอร์ กอร์จ"ที่เป็นรูปตัว "วี" แคบๆ และกว้าง 300 ฟุตนอกจากนี้สีสรรของสายน้ำก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย บางวันก็เป็นสีน้ำตาล บางวันก็เป็นสีเขียว ซึ่งขึ้นอยู่กับจำนวนของตะกอนที่พัดพามาแต่ละวัน<br /><br />นอกจากนั้นในบริเวณซอกหลืบของหุบเขาน้อยใหญ่ยังมีการค้นพบร่องรอยอารยธรรมของชาวอินเดียนแดงโบราณ ซึ่งยังมีลูกหลานดำรงชีวิตแบบดั้งเดิมและบางส่วนก็ยังคงอยู่ที่แกรนด์ แคนยอน จนถึงทุกวันนี้ เช่น อินเดียนแดงเผ่า Hopis, Havasupais, Navajos, Hualapais, Paiutes, Pueblos เป็นต้น ทุก ๆ ปีจะมีคนไปชมความมหัศจรรย์ ของแกรนด์แคนยอนไม่ต่ำกว่าสองล้านคน<br /><br /><br /><object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/1BKjGx2aiWs&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/1BKjGx2aiWs&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object>49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1392374849519041092.post-77401254848171934722010-05-07T06:58:00.000-07:002010-05-07T07:01:54.580-07:00หอเอนปิซ่า<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihepkC4xnF82Q82q-OvfULUXKd8KDcfiGG_MnHFUGXqWWSdQ3HpSWd-cqVVpseZUOcPaLFFqZDxkv-bqYhxbKQVaKprd5iYQJ8m-DoDds7aJd59SYtb4RZjP4RtLsjhrj38DEFRGv-8LfR/s1600/300px-Leaning_Tower_of_Pisa.jpg"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 240px; DISPLAY: block; HEIGHT: 320px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5468527629734640594" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEihepkC4xnF82Q82q-OvfULUXKd8KDcfiGG_MnHFUGXqWWSdQ3HpSWd-cqVVpseZUOcPaLFFqZDxkv-bqYhxbKQVaKprd5iYQJ8m-DoDds7aJd59SYtb4RZjP4RtLsjhrj38DEFRGv-8LfR/s320/300px-Leaning_Tower_of_Pisa.jpg" /></a><br />หอเอนเมืองปิซา (อิตาลี: Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa, อังกฤษ: Leaning Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) น้ำหนักรวม 14,500 ตันโดยประมาณ มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร<br />•<br />การสร้าง<br />เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี<br />หลังจากนั้น ในปี ค.ศ. 1990-2001 หอเอนปีซาได้รับการปรับปรุงฐานให้แข็งแรงยิ่งขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอล้มลงมา<br />ประวัติ<br />กาลิเลโอ กาลิเลอิ เคยใช้หอนี้ทดลองเกี่ยวกับเรื่อง แรงโน้มถ่วง ในตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยปิซา โดยใช้ลูกบอล 2 ลูกที่น้ำหนักไม่เท่ากันทิ้งลงมา เพื่อพิสูจน์ว่า ลูกบอล 2 ลูกจะตกถึงพื้นพร้อมกัน ซึ่งก็เป็นไปตามที่กาลิเลโอคาดไว้<br />ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา<br />วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา<br />ในวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยว เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุง<br />ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย<br />• นอกจากนี้หอเอนเมืองปิซานี้ช่วยให้กาลิเลโอ นักวิทยาศาสตร์ ชาวอิตาเลียน ผู้มีชื่อเสียงของโลก ได้ทดลองความจริง เรื่องน้ำหนักของของที่ตกเป็นผลสำเร็จอีกด้วย*<br /><br /><p align="center"><object width="480" height="385"><param name="movie" value="http://www.youtube.com/v/L6Z1cM9USi8&hl=en_US&fs=1&"><param name="allowFullScreen" value="true"><param name="allowscriptaccess" value="always"><embed src="http://www.youtube.com/v/L6Z1cM9USi8&hl=en_US&fs=1&" type="application/x-shockwave-flash" allowscriptaccess="always" allowfullscreen="true" width="480" height="385"></embed></object></p>49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.com0tag:blogger.com,1999:blog-1392374849519041092.post-4559447606465404912010-05-07T06:48:00.000-07:002010-05-07T06:51:11.391-07:00ปราสาททัชมาฮาล<a href="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwc6sbfry6uFgoB2OY7Oi7uF1kD1TYJhlzEQPLK6ojQAeStzReTtY1F1N5l0JoJ6djuua9wKckjAPPlZdAfnq8iA-u6qqviWJdavDD6SSNH5q2S-7EmPg3iVu4Mh2SsbOKOLUgXS081AYz/s1600/untitled.bmp"><img style="TEXT-ALIGN: center; MARGIN: 0px auto 10px; WIDTH: 320px; DISPLAY: block; HEIGHT: 240px; CURSOR: hand" id="BLOGGER_PHOTO_ID_5468525120321421106" border="0" alt="" src="https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgwc6sbfry6uFgoB2OY7Oi7uF1kD1TYJhlzEQPLK6ojQAeStzReTtY1F1N5l0JoJ6djuua9wKckjAPPlZdAfnq8iA-u6qqviWJdavDD6SSNH5q2S-7EmPg3iVu4Mh2SsbOKOLUgXS081AYz/s320/untitled.bmp" /></a><br />ทัชมาฮาล (Taj Mahal)<br /><br />ทัชมาฮาล เป็นสุสานหินอ่อนขนาดใหญ่ที่สวยงามสมบูรณ์ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำยมนา เมืองอักรา ประเทศอินเดีย ทัชมาฮาลสร้างขึ้นมาในคริสต์ศตวรรษที่ 17 เมื่อประมาณค.ศ. 1630 - 1652 ใช้เวลาก่อสร้าง 17 ปี ใช้เวลาตกแต่ง 5 ปี รวมเวลาทั้งหมด 22 ปี ใข้งบประมาณก่อสร้างประมาณ 30 ล้านรูปี โดยพระเจ้าชาห์ เจฮัล กษัตริย์แห่งราชวงศ์โมกุล เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งความรักที่มีต่อพระมเหสีมุมตัส สุสานทัชมาฮาลสร้างด้วยหินอ่อนสีขาวเป็นรูปโดมตามแบบสถาปัตยกรรมเปอร์เซียสูง 61 เมตร ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมที่มีความกว้างด้านละ 95 เมตรหนา 5 เมตร มีหอคอยยอดแหลมสูง 95 เมตร ตั้งอยู่ที่มุมของฐานประจำ 4 ทิศ ใช้คนงานในการสร้างประมาณ 22,000 คนควบคุมการสร้างโดย อัสตาด ไอซา สถาปนิกในสมัยนั้น49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.com1tag:blogger.com,1999:blog-1392374849519041092.post-23447729330083413142010-05-07T06:45:00.000-07:002010-05-07T06:47:03.270-07:00กำแพงเมืองจีน<div align="center"><span style="font-size:130%;">กําแพงเมืองจีน<br /></span><br />--------------------------------------------------------------------------------<br /><br />กําแพงเมืองจีน---สิ่งก่อสร้างในสมัยโบราณของจีนที่มีชื่อเลื่องลือไปทั่วโลกนั้น ตอนที่มีความสําคัญทางยุทธศาสตร์ตอนหนึ่งชื่อว่า "ปาต๋าหลิ่ง"<br />อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงปักกิ่ง ห่างจากตัวเมืองกรุงปักกิ่งประมาณ ๘๐ กิโลเมตร<br /><br />กําแพงเมืองจีนมีความยาวทั้งหมด ๖๗๐๐ กิโลเมตร กําแพงเมืองจีนเริ่มสร้างในสมัยจ้านกว๋อ เวลานั้น ก๊กเยี่ยน ก๊กจ้าวและก๊กฉินในภาคเหนือของจีนต่างได้สร้างกําแพงของตนขึ้นในที่ที่มีความสําคัญทางยุทธศาสตร์เพื่อป้องกันการบุกรุกของก๊กใกล้เคียงและเผ่าชนเร่ร่อนเลี้ยงสัตว์ทางเหนือหลังจากจักรพรรดิฉินสื่อหวงรวมประเทศจีนเข้าเป็นเอกภาพเมื่อ ๒๒๑ปีก่อนคศ. ก็ได้เชื่อมต่อกําแพงที่ก๊กต่าง ๆ สร้างไว้เข้าด้วยกันและสร้างต่อเติมขึ้นอีก ครั้นถึงสมัยราชวงศ์ฮั่น ราชวงศ์ถัง ราชวงศ์สุย ราชวงศ์หยวนและราชวงศ์หมิงก็ได้ซ่อมแซมและสร้างเติมเสริมต่อเรื่อยมา กําแพงเมืองจีนในทุกวันนี้ส่วนใหญ่สร้างขึ้นใหม่ในสมัยราชวงศ์หมิง การก่อสร้างกําแพงที่มีความยาวถึง ๖๐๐๐ กว่ากิโลเมตร บางแห่งยังต้องสร้างบนภูเขาทั้งสูงชันและสลับซับซ้อนอยู่เหนือระดับนํ้าทะเล ๑๐๐๐ กว่าเมตรในสมัยที่การลําเลียงขนส่ง วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยียังไม่เจริญนั้นจะลําบากยากเข็ญเพียงไร ก็ด้วยเหตุนี้เอง กําแพงเมืองจีนจึงได้ชื่อว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ชิ้นหนึ่งในสถาปัตยกรรมของโลก<br /><br />กําแพงเมืองจีนประกอบด้วยด่าน กําแพง ป้อมรักษาการณ์และหอคอยจุดเพลิงสัญญาณ ด่านตั้งอยู่ตรงจุดสําคัญในเส้นทางคมนาคม<br /><br />มีกําแพงหลายชั้น มีทหารประจํารักษาอยู่เป็นจํานวนมากซึ่งเป็นที่ตั้งกองบัญชาการทหาร ด่านจียงกวานที่ปาต๋าหลิ่งเป็นด่านสําคัญแห่งหนึ่งของกําแพงเมืองจีน กําแพงเมืองจีนโดยเฉลี่ยสูง ๗---๘ เมตร กว้าง ๕---๖ เมตร สันกําแพงด้านนอกมีเชิงเทินรูปฟันปลาเป็นที่กําบังตัว ข้าง ๆ เชิงเทินมีช่องมอง ใต้เชิงเทินมีช่องยิงลูกศร โดยทั่วไปบนที่สูงหรือบนยอดเขานอกกําแพง สร้างหอคอยสําหรับจุดเพลิงสัญญาณไว้เป็นระยะ ๆ ซึ่งเป็นสถานีส่งสัญญาณแจ้งเหตุทางทหารในสมัยโบราณแต่ละหอคอยรับส่งสัญญาณกันเป็นทอด ๆ จนถึงเมืองหลวงหรือเขตป้องกันเมืองเขตใหญ่ ประกอบเป็นโครงข่าวสื่อสารอันสมบูรณ์ ถ้าเกิดมีข้าศึกมากลางวันก็สุมควัน มากลางคืนก็จุดไฟเป็นสัญญาณ กําแพงเมืองจีนในทุกวันนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ดึงดูดใจทั้งชาวจีนและชาวต่างประเทศ<br /><br /><br /><br /></div>49010914172g3http://www.blogger.com/profile/16221561086299334444noreply@blogger.com0